ค่าเล่าเรียนทั่วไป

นักเรียนทุนฯ มีสิทธิได้รับค่าเล่าเรียนหรือค่าธรรมเนียมการศึกษาตามที่จ่ายจริง โดยผู้มีสิทธิขอเบิกค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมการศึกษา ต้องมีสถานภาพเป็นนักเรียนทุนที่กำลังศึกษาด้วยทุนรัฐบาล ณ วันที่สถานศึกษาเปิดภาคการศึกษา (ตรวจสอบจาก Academic Calendar ของแต่ละสถานศึกษา) นักเรียนทุนฯ ผู้กำลังศึกษาด้วยทุนส่วนตัวไม่มีสิทธิขอเบิกค่าใช้จ่ายนี้

1. ค่าเล่าเรียน นักเรียนทุนฯ จะมีสิทธิได้รับค่าเล่าเรียนเต็มจำนวน โดยมีเงื่อนไข ดังนี้
   1. วิชาที่ลงทะเบียนเรียน ต้องเป็นวิชาที่ตรงตามแนวทางการศึกษา หรือเป็นวิชาตามข้อกำหนดในหลักสูตรของสถานศึกษา
   2. หน่วยกิตของวิชาที่เรียน ต้องสามารถนับเข้าโปรแกรมการศึกษาได้
      นักเรียนทุนฯ ผู้ใดลงทะเบียนเรียนวิชาที่ไม่เกี่ยวข้องกับสาขา/ด้านที่ได้รับทุน หรือวิชาที่ไม่อยู่ในข้อกำหนดของหลักสูตร หรือวิชาที่ไม่สามารถนับหน่วยกิตได้ (เป็นวิชาที่ลงทะเบียนเรียนแบบ Audit) นักเรียนทุนฯ ผู้นั้นต้องรับผิดชอบจ่ายค่าเล่าเรียนวิชานั้นเอง เช่น นาย ก.ผู้รับทุนการศึกษาด้าน Genetic Engineering เลือกลงทะเบียนเรียนกีตาร์หรือกอล์ฟ นาย ก. ต้องรับจ่ายค่าเล่าเรียนวิชานี้เอง เป็นต้น
2. ค่าธรรมเนียมการศึกษา นักเรียนทุนฯ จะมีสิทธิได้รับค่าธรรมเนียมฯ เฉพาะในส่วนที่เป็นข้อบังคับของสถานศึกษา ยกเว้นค่าธรรมเนียมในรายการที่นักเรียนทุนฯ ได้รับเป็นส่วนหนึ่งของค่าใช้จ่ายแบบเหมาจ่ายแล้ว เช่น ค่า Transcript, ค่าอุปกรณ์การศึกษา, ค่าวารสาร (รวมจ่ายให้แล้วในค่าหนังสือและอุปกรณ์การศึกษา) เป็นต้น ในกรณีนี้ นักเรียนทุนฯ ต้องเจียดจ่ายจากเงินที่ได้รับไปแล้ว สำหรับรายการค่าธรรมเนียมฯ ส่วนที่ให้นักเรียนทุนฯ เลือกใช้บริการ (Optional) เช่น ค่าใช้บริการสระว่ายน้ำ นักเรียนทุนฯ ต้องจ่ายเอง หากนักเรียนทุนฯ ต้องการจะใช้บริการ

ค่าเล่าเรียนภาคฤดูร้อน

นักเรียนทุนฯ มีสิทธิยื่นคำขออนุมัติลงทะเบียนเรียนภาคฤดูร้อน หากเป็นไปตามหลักเกณฑ์ต่อไปนี้ สนร.จะมีหนังสืออนุมัติ และจะจ่ายค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมการศึกษาภาคฤดูร้อนให้

1. การเรียนภาคฤดูร้อนจะช่วยให้สำเร็จการศึกษาเร็วขึ้น
2. วิชาที่ลงทะเบียนเรียนเป็นวิชาตามหลักสูตร และสามารถนับหน่วยกิตเข้าในโปรแกรมการศึกษาได้
3. หากสถานศึกษาภาคฤดูร้อนเป็นสถานศึกษาอื่น นักเรียนทุนฯ จะต้องมีหนังสือรับรองจากสถานศึกษาปัจจุบันว่า หน่วยกิตของสถานศึกษาภาคฤดูร้อนสามารถโอนนับไปรวมในหลักสูตรของสถานศึกษาปัจจุบันได้

ค่าเรียนภาษาอังกฤษ

สำหรับผู้ซึ่งจำเป็นต้องศึกษาภาษาอังกฤษเพิ่มเติมเนื่องจากเป็นข้อบังคับ(Requirement) ของสถานศึกษา (ความเห็นของอาจารย์ที่ปรึกษาฯ ไม่พอ) ให้ยื่นคำขออนุมัติเรียนภาษาอังกฤษ นักเรียนทุนฯ ผู้ได้อนุมัติให้ลงทะเบียนเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม จะมีสิทธิได้รับค่าเรียนภาษาอังกฤษ

ค่าศึกษาวิชา ณ ประเทศอื่น

นักเรียนทุนฯ มีสิทธิ์ขอไปเรียนภาษาต่างประเทศในประเทศเจ้าของภาษาหรือประเทศที่ใช้ภาษานั้นเป็นภาษาราชการ หรือขอศึกษา ณ ต่างประเทศระหว่างที่กำลังศึกษาในสหรัฐฯ โดยมีเงื่อนไข ดังนี้

1. ต้องเป็นการศึกษาตามข้อบังคับของหลักสูตร (มิใช่ความเห็นของอาจารย์ที่ปรึกษา) และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการศึกษาตามแนวการศึกษาโดยตรง
2. ต้องมีกำหนดเวลาศึกษาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 8 สัปดาห์หรือ 2 เดือน
3. ต้องยื่นคำขอล่วงหน้าตามระยะเวลาที่กำหนด

หากคำขอได้รับการพิจารณาอนุมัติ นักเรียนทุนฯ จะได้รับค่าใช้จ่ายประจำเดือนตามอัตราของนักเรียนทุนฯ ในประเทศนั้น ๆ สำหรับค่าเล่าเรียน สนร.จะจ่ายให้สถานศึกษาโดยตรงตามที่ใบเรียกเก็บเงินฯ

หน้าที่

1. กรณีที่ นักเรียนทุนฯ ได้รับใบเรียกเก็บเงินค่าเล่าเรียนจากสถานศึกษา นักเรียนทุนฯ มีหน้าที่ ดังนี้
   1. ตรวจสอบความถูกต้องของรายการที่ปรากฎบนใบเรียกเก็บเงินฯ หากถูกต้องให้นักเรียนทุนฯ จัดส่งแบบแจ้งค่าเล่าเรียนและใบเรียกเก็บเงินค่าเล่าเรียนจากสถานศึกษาไปยัง สนร. เพื่อชำระเงินโดยด่วน แต่หากไม่ถูกต้อง ให้แจ้งสถานศึกษาเพื่อแก้ไขโดยด่วน ทั้งนี้หากไม่สามารถติดต่อสถานศึกษาได้ทันตามวันถึงกำหนดจ่าย (due date) ให้แจ้ง สนร.ทราบเป็นลายลักษณ์อักษร โดยส่งแบบแจ้งค่าเล่าเรียน พร้อมใบเรียกเก็บเงินไปยัง สนร. เพื่อ สนร.จะส่งเช็คสั่งจ่ายเงินจำนวนที่ถูกต้องให้สถานศึกษาไปก่อน แล้วนักเรียนทุนฯ ค่อยติดต่อสถานศึกษาเพื่อแก้ไขให้ถูกต้องในภายหลัง
   2. ถ้าตรวจสอบแล้ว มีค่าใช้จ่ายส่วนที่นักเรียนทุนฯ ต้องรับผิดชอบเอง หรือส่วนที่ต้องขอรับการยกเว้น (waive) จากสถานศึกษา ขอให้ดำเนินการทันที และแจ้ง สนร.ทราบในแบบแจ้งค่าเล่าเรียน ทั้งนี้ สนร.จะไม่แจ้งกลับมาขอให้นักเรียนทุนฯ ดำเนินการอีก
   3. กรอก Mailing Address ในแบบแจ้งค่าเล่าเรียน (Mailing Address ถ้าไม่อยู่หน้า ก็อยู่หลังใบเรียกเก็บเงินฯ) เพื่อ สนร.จะได้ส่งเช็คให้สถานศึกษาได้ถูกต้องตามแต่ละภาควิชา หรือวิทยาเขตที่นักเรียนทุนฯ ศึกษา
      • เมื่อ สนร.ได้รับคำขอของท่านแล้ว จะตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง
      • กรณีแบบคำขอระบุให้สั่งจ่ายสถานศึกษาโดยตรง ท่านสามารถส่งแบบคำขอและใบแจ้งหนี้ให้ สนร.ได้ 3 ทาง คือ อีเมลล์ โทรสาร หรือไปรษณีย์ แล้ว สนร.จะส่งเช็คสั่งจ่ายเงินในนามสถานศึกษาตามจำนวนที่ท่านมีสิทธิ์ได้รับให้กับสถานศึกษาโดยตรง
      • กรณีที่ท่านจำเป็นต้องสำรองจ่ายค่าเล่าเรียนหรือค่าธรรมเนียมต่างๆให้สถานศึกษาเองก่อน ขอให้แจ้งให้ สนร.ทราบก่อนที่จะชำระเงิน เพื่อป้องกันการชำระเงินซ้ำซ้อน และนำส่งแบบคำขอ ใบแจ้งหนี้ค่าเล่าเรียน และหลักฐานการจ่ายเงินฉบับจริงให้ สนร.ทางไปรษณีย์เท่านั้น เพื่อประกอบการเบิกจ่ายเงิน
2. กรณีที่สถานศึกษาเป็นผู้ส่งใบแจ้งหนี้ค่าเล่าเรียนมาที่ สนร.โดยตรง (Third Party Billing)
   สำหรับนักเรียนทุนฯ ที่เพิ่งเดินทางมาศึกษา นักเรียนทุนฯจะต้องส่งแบบฟอร์มขอเอกสารรับรองการเงิน ( Financial Support ) มาที่ สนร. ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม และแจ้งให้ สนร. ส่ง Financial Support ให้สถานศึกษาโดยตรง ซึ่งสนร.จะออกหนังสือรับรองให้ตามกำหนดเวลาที่นักเรียนทุนฯ ได้รับอนุมัติทุนแล้วเท่านั้น และจะส่งเอกสารรับรองไปยัง Third Party Billing Office
   หลังจากนั้นทุกภาคการศึกษาเมื่อนักเรียนทุนฯ ลงทะเบียนเรียน และสิ้นสุดวันที่มีสิทธิ์เพิ่ม ถอน รายวิชาแล้ว สถานศึกษาจะส่งใบแจ้งหนี้ค่าเล่าเรียนของนักเรียนทุนฯ ทั้งหมดที่อยู่ในความดูแลของ สนร.มาเรียกเก็บเงินจาก สนร โดยตรง นักเรียนทุนฯ จึงไม่ต้องส่งแบบคำขอและใบแจ้งหนี้ค่าเล่าเรียนมาที่ สนร. อีก เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนสถานศึกษาจะไม่รับชำระเงินเป็นรายย่อย (โปรดตรวจสอบ รายชื่อสถานศึกษาที่เป็น Third Party Billing ได้ที่นี่)
   เมื่อ สนร.ได้รับใบเรียกเก็บเงินค่าเล่าเรียนจากสถานศึกษา สนร.จะตรวจสอบ และดำเนินการ ดังนี้
   • ถ้า "ไม่" มีค่าใช้จ่ายส่วนที่นักเรียนทุนฯ ต้องรับผิดชอบ (ค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมถูกต้องตามเงื่อนไขข้างต้น) สนร.จะส่งเช็คสั่งจ่ายเงินเต็มจำนวนตามที่ถูกเรียกเก็บ ให้สถานศึกษาโดยตรง
   • ถ้า "มี" ค่าใช้จ่ายส่วนที่นักเรียนฯ ต้องรับผิดชอบ สนร.จะส่งเช็คให้สถานศึกษาสั่งจ่ายเงินตามจำนวนที่นักเรียนทุนฯ มีสิทธิได้รับเท่านั้น นักเรียนทนฯ ต้องจ่ายส่วนต่าง (จำนวนเงินที่นักเรียนฯ ต้องรับผิดชอบเอง) ให้กับสถานศึกษาโดยตรง
3. กรณีที่นักเรียนทุนฯ ได้รับ TA/RA เป็นค่าเล่าเรียน และค่าประกันสุขภาพ จากสถานศึกษา ให้รีบแจ้ง สนร. ทันทีว่าได้รับทุนอะไรตั้งแต่เมื่อใด จำนวนเงินเท่าใด ทั้งนี้ เพื่อ สนร. จะได้ตรวจสอบและจ่ายเงินค่าเล่าเรียนให้กับสถานศึกษาได้ถูกต้อง ป้องกันการชำระค่าเล่าเรียนซ้ำซ้อน และไม่ต้องเรียกเงินคืนจากสถานศึกษา
4. หากสถานศึกษาส่งคืนเงินค่าเล่าเรียนหรือค่าธรรมเนียมให้ท่าน เนื่องจากสถานศึกษาเรียกเก็บเกิน หรือท่านขอยกเลิกการลงทะเบียน (Drop) หรือท่านได้รับทุนการศึกษา โปรดแจ้งโดยส่งแบบขอส่งเงินคืนและนำเงินส่งคืน สนร.ทันที เพราะเงินดังกล่าวเป็นเงินราชการ การเก็บไว้ ไม่ส่งคืน ถือเป็นการทุจริตผิดวินัยอย่างร้ายแรง
5. การของดรับทุนรัฐบาลทั้งจำนวน ก.พ. มีมติไม่อนุมัติให้นักเรียนทุนฯ งดรับทุนรัฐบาลทั้งจำนวน แต่หากนักเรียนทุนฯ รายใดรับทุนจากสถานศึกษาก็สามารถขอยกเว้นการรับค่าเล่าเรียนจากทางราชการได้ โดยจะต้องรับค่าใช้จ่ายประจำเดือนและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามระเบียบทางราชการเพื่อให้มีผลผูกพันตามสัญญา

ข้อควรจำ

1. นักเรียนทุนฯ ต้องดูวันถึงกำหนดจ่าย due date ในใบเรียกเก็บเงินฯ ให้ดี และเผื่อเวลาการส่งเอกสารทางไปรษณีย์ ถ้าระยะกระชั้นชิด(15 วันหรือน้อยกว่า) เพื่อป้องกันความผิดพลาด หลังจากส่งโทรสารหรืออีเมล์แล้ว ขอให้โทรศัพท์สอบถามว่า สนร.ได้รับเอกสารด้วยแล้วหรือไม่
2. อย่าลืมกรอกชื่อและที่อยู่ของบุคคลหรือหน่วยงาน (mailing address) ที่จะให้ สนร.ส่งเช็คสั่งจ่ายเงินไปให้ เพราะหากกรอกผิดหรือลืมกรอก จนเป็นเหตุให้ส่งเช็คไปให้สถานศึกษาไม่ทัน นักเรียนทุนฯ ต้องรับผิดชอบค่าปรับที่จ่ายช้า (late fee) เอง
3. หากนักเรียนทุนฯ มีสิทธิได้รับการลดหย่อนค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมโดยจ่ายในอัตรา in-state fee ขอให้แจ้ง สนร.ทราบด้วย
4. หากสถานศึกษากำหนดให้จ่ายเงินมัดจำค่าเล่าเรียนก่อน ขอให้นักเรียนทุนฯ ทดรองจ่ายก่อน เนื่องจากสถานศึกษาบางแห่งจะคืนเงินค่ามัดจำให้แก่นักเรียนฯ เท่านั้น (ไม่คืนให้ สนร.ถึงแม้ สนร.จะเป็นผู้จ่าย) ดังนั้น หากนักเรียนทุนฯ ได้ทดรองจ่ายเงินมัดจำค่าเล่าเรียนแล้ว สนร.จะจ่ายคืนให้ท่านเมื่อได้รับใบเรียกเก็บเงินฯ จากสถานศึกษา ซึ่งจะแสดงอัตราค่าเล่าเรียนที่ต้องจ่ายเพิ่มหลังหักเงินมัดจำแล้ว

เอกสารที่เกี่ยวข้อง

• รายชื่อสถานศึกษาที่เป็น Third Party Billing
• แบบแจ้งค่าเล่าเรียน
• แบบขอส่งเงินคืน