เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 เวลา 15.00 – 17.00 น. (US Eastern Standard Time) สนร. นำโดย พี่จ้อ - อท. ปจิตา ดิศกุล ณ อยุธยา พร้อมพี่ ๆ เจ้าหน้าที่ สนร. ทุกท่าน ได้ชวนน้อง ๆ นักเรียนทุนฯ มาพูดคุยกันในกิจกรรม OEADC Connected ครั้งที่ 4 ในประเด็นที่เกี่ยวกับ Student Visa ทั้งเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติตนอย่างไรเพื่อไม่ให้ผิดกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง (Immigration) รัฐบาลใหม่มีผลอย่างไรกับนักเรียนต่างชาติบ้าง และนักเรียนทุนฯ ควรเตรียมตัวอย่างไร โดยมีวิทยากรจากภายนอก 2 ท่าน คือ คุณ Jillian Collins, Director of Sponsored Student Programs, F-1/J-1 Sponsored Students จาก University of Missouri และทนายแทมมี่ สุมณธา (Tammy Sumontha) Immigration Lawyer จากสำนักงานกฎหมายทนาย Tammy Sumontha มาร่วมสนทนาในครั้งนี้
พี่จ้อได้เริ่มต้นด้วยการทักทายวิทยากรและนักเรียนทุนฯ ทุกท่าน พร้อมทั้งแสดงความขอบคุณที่วิทยากรได้ให้เกียรติมาให้ความรู้ ความเข้าใจด้าน Immigration แก่นักเรียนทุนและเจ้าหน้าที่ สนร. จากนั้นพี่จ๋า ปณพร ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวแนะนำวิทยากรท่านแรก คือ คุณ Jillian Collins ซึ่งเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนนักศึกษาต่างชาติมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา และในฐานะตัวแทนของ University of Missouri คุณ Jillian ได้ทำงานประสานให้ความช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่ สนร. อย่างดียิ่งมาเกือบทศวรรษ โดยประเด็นที่คุณ Jillian ได้ร่วมสนทนาครั้งนี้สามารถสรุปได้ดังนี้
1. ความแตกต่างระหว่างวีซ่า F-1 และ J-1 ทั้งในเรื่องของแหล่งที่มาของทุน การทำงานในแคมปัส เช่น นักศึกษาที่ถือวีซ่า F-1 สามารถทำงานในแคมปัสระหว่างโปรแกรมการศึกษาได้ไม่เกิน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในช่วงภาคเรียน Fall และ Spring และมากกว่า 20 ชั่วโมง ในช่วง Summer และสามารถทำงานนอกแคมปัสได้เฉพาะในโปรแกรมการทำงาน/การเรียนระหว่างหลักสูตรการศึกษาของตน (Curricular Practical Training) เช่น Internship, Practicum, Clinical Rotations ฯลฯ ที่สถานศึกษาอนุญาต และสามารถทำ Optional Practical Training ได้หลังสำเร็จการศึกษา สำหรับนักศึกษาที่ถือวีซ่า J-1 ก็สามารถทำงานในแคมปัสระหว่างโปรแกรมการศึกษาได้เช่นกันโดยจะต้องได้รับอนุญาต ซึ่งสูงสุดไม่เกิน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในช่วงภาคเรียน Fall และ Spring และมากกว่า 20 ชั่วโมงในช่วง Summer (ทั้งนี้ ขอให้ปรึกษา ISSS Adviser ของแต่ละสถานศึกษาด้วย) และสามารถทำงาน Pre-Completion Academic Training นอกแคมปัสได้มีกำหนด 18 เดือน และหลังจากสำเร็จหลักสูตรปริญญาเอกแล้ว สามารถทำ Post-Completion Academic Training เพิ่มเติมได้อีก 18 เดือน รวมระยะเวลาสำหรับ Academic Training ทั้งหมด 36 เดือน
2. หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ควรต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 6 เดือน จนถึงวันเดินทางเสมอ และควรเก็บสำเนาหนังสือดังกล่าวไว้เป็นข้อมูลสำรองเสมอด้วย
3. เอกสาร I-20/DS-2019 ซึ่งออกโดยมหาวิทยาลัยเป็นเอกสารที่แสดงว่านักเรียน/นักศึกษามีสถานะที่ถูกต้องทางกฎหมายในขณะที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา และใช้ในการนัดหมายขอวีซ่า จึงควรให้มีอายุอยู่เสมอ ทั้งนี้ควรตรวจสอบข้อมูลในเอกสารให้แน่ใจด้วยว่าถูกต้องทั้งหมด และอย่าลืมให้ Responsible Officer (RO) หรือ Alternate Responsible Officer (ARO) ณ สถานศึกษา ลงนามและลงวันที่ในแบบฟอร์ม I-20/DS-2019 ทุกครั้งก่อนเดินทางออกจากสหรัฐอเมริกา
4. นักศึกษาต่างชาติทุกรายจะต้องลงทะเบียนศึกษาในแต่ละภาคเรียน ไม่น้อยกว่า 9 หน่วยกิต (สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาโทและเอก) และ 12 หน่วยกิต (สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี)
นอกจากนี้ พี่ใหญ่ ฐิติมา ยังได้ช่วยถามคำถามสำคัญที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมอาจพบได้บ่อย ๆ เช่น หากนักเรียนลืมให้ RO หรือ ARO ของสถานศึกษาลงนามในเอกสาร DS-2019/I-20 และได้เดินทางออกจากสหรัฐอเมริกาเพื่อไปท่องเที่ยวหรือกลับเยี่ยมบ้านแล้ว หรือทำเอกสาร DS-2019/I-20 หาย ควรดำเนินการอย่างไร ซึ่งคุณ Jillian ได้ตอบว่าสามารถติดต่อแผนก International Students and Scholars ของสถานศึกษาเพื่อให้ออกเอกสาร DS-2019/I-20 ฉบับใหม่และส่งให้นักเรียนทางออนไลน์ได้
ก่อนที่คุณ Jillian จะร่ำลาไป ก็ได้มีการถ่ายรูปร่วมกันพร้อมกับวิทยากรท่านต่อไปด้วย โดยพี่จ๋าได้กล่าวขอบคุณคุณ Jillian พร้อมทั้งแนะนำทนายแทมมี่ สุมณธา ทนายความชาวไทย ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาและมีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง (Immigration Law) รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสัญชาติและคนต่างด้าว โดยทนายแทมมี่ได้ให้บริการทางกฎหมายแก่ลูกค้าทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ทนายแทมมี่ยังเป็นสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมทนายความไทยอเมริกา (Thai American Bar Association หรือ TABA) ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้การสนับสนุนผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายชาวไทยและชาวไทย-อเมริกันในสหรัฐอเมริกา ตลอดจนให้ข้อมูลและความรู้ด้าน Immigration เป็นประจำผ่านช่อง YouTube "คุยสบายกับทนายแทมมี่" และ เพจ Facebook ที่ "Thai US Visa Lawyer, Tammy Sumontha" สาระสำคัญที่ทนายแทมมี่ได้ร่วมสนทนาในครั้งนี้ คือ
1. เอกสาร Visa และ I-20/DS-2019 เป็นเอกสารสำคัญที่แสดง Immigration Status ที่ต้องใช้คู่กันเสมอ โดย Visa F-1 ใช้คู่กับเอกสาร I-20 และ Visa J-1 ใช้คู่กับเอกสาร DS-2019
2. รายละเอียดของเอกสาร I-20 ที่นักเรียนทุนควรตรวจสอบความถูกต้องเมื่อได้รับจากสถานศึกษา ได้แก่ ส่วนของเลขที่ SEVIS ID, Program Study และ Employment Authorization โดยย้ำให้นักเรียนทุนเก็บเอกสาร I-20 (รวมถึง DS-2019) ให้ดี เนื่องจากเป็นเอกสารสำคัญ และควรเก็บสำเนาเอกสารดังกล่าวไว้เป็นข้อมูลสำรองเสมอ และจะต้องรักษาสถานะนักเรียนโดยไปเรียนเต็มเวลาตามระยะเวลาที่กำหนด และไม่ทำงานที่ไม่ได้รับอนุญาต
3. รายละเอียดของเอกสาร DS-2019 ที่นักเรียนทุนควรตรวจสอบความถูกต้องเมื่อได้รับจากสถานศึกษา ได้แก่ ส่วนของข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลการศึกษา และควรระมัดระวังไม่ให้อยู่ในสหรัฐอเมริกาเกินระยะเวลาที่เอกสาร DS-2019 ระบุไว้ (Form Covers Period) อีกทั้งต้องรักษาสถานะ J-1 และไม่ทำงานที่ไม่ได้รับอนุญาต
4. ประเด็นที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ (U.S. Department of State - DOS) ประกาศอัปเดตรายชื่อประเทศในกลุ่มทักษะอาชีพ หรือ Skills List ของปี 2024 เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2567 ซึ่งมีผลให้กฎข้อบังคับสำหรับชาวต่างชาติที่เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยน (ผู้ถือวีซ่าประเภท J-1) ที่เคยอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ต้องกลับไปพำนักในประเทศบ้านเกิดเป็นเวลา 2 ปี (คือไม่สามารถเปลี่ยนสถานะ Immigration ได้ หากไม่ได้รับการยกเว้น หรือได้ปฏิบัติตามกฎ 2 ปี ครบถ้วนแล้ว) หรือที่เรียกกันว่า "กฎ 2 ปี" ถูกยกเลิกไป สำหรับชาวต่างชาติที่มาจาก 37 ประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย อย่างไรก็ตาม กรณีของนักเรียนทุนจะยังคงติดกฎ 2 ปีอยู่ เนื่องจากยังมีพันธะที่ต้องชดใช้ทุนรัฐบาลประเทศบ้านเกิด
5. ให้ระมัดระวังการเดินทางออกจากสหรัฐอเมริกาภายหลังสำเร็จการศึกษา/ทำงาน ภายใน Grace Period ที่กำหนด โดยกรณีของ F-1 มี Grace Period จำนวน 60 วัน นับจากวัน Current Session End Date ในเอกสาร I-20 หรือวันหมดอายุใบอนุญาตทำงาน และกรณีของ J-1 มี Grace Period จำนวน 30 วัน นับจาก Form Covers Period ในเอกสาร DS-2019
ทั้งนี้ ทนายแทมมี่ได้เน้นว่าประเด็นการสนทนานี้ ไม่ใช่ข้อแนะนำทางกฎหมาย หากท่านใดมีปัญหาก็ควรปรึกษาทนายความด้านกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองโดยตรงเป็นรายกรณี
สนร. หวังว่าเนื้อหาการพูดคุยกันในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์แก่น้อง ๆ นักเรียนทุนฯ ทั้งหลาย และขอขอบคุณน้อง ๆ ทุกท่านที่ได้สละเวลามาเข้าร่วมกิจกรรมนี้กัน แล้วพบกันใหม่ในกิจกรรมครั้งต่อไปนะคะ